Black Ribbon Top Right
ความรู้ต้องมีหัวใจ ในภาวะวิกฤตต้องมีความกล้าและความเร็ว

ความรู้ต้องมีหัวใจ ในภาวะวิกฤตต้องมีความกล้าและความเร็ว

6 ธ.ค. 68 109

ภาพของหน่วยงาน องค์กรทั้งภาครัฐ ธุรกิจเอกชน ประชาสังคม ท้องถิ่น องค์กรชุมชน และผู้ไม่ประสงค์ออกนามอีกมากมายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาทั้งก่อนและหลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ เป็นอีกด้านหนึ่งของปรากฏการณ์ฝนสุดขั้ว มหาวิบัติอุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ในพื้นที่ภาคใต้ ที่อยู่เหนือจินตนาการใด ๆ ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

มหาวิทยาลัยทักษิณ ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของคณาจารย์ บุคลากร นิสิต ศิษย์เก่า ภายใต้การหนุนเสริม สนับสนุนจากภาคีพันธมิตรมากมาย ก็มีบทบาทอย่างสำคัญต่อสถานการณ์ดังกล่าว

เราจัดตั้ง “ศูนย์ปันน้ำใจ” ทั้งที่วิทยาเขตสงขลา และวิทยาเขตพัทลุง เปิดรับบริจาค มีบุคลากร นิสิต และเครือข่ายจิตอาสาออกช่วยเหลือ แจกจ่ายถุงยังชีพ อาหาร น้ำดื่มแก่ประชาชนในพื้นที่ จัดตั้งศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย (TSU Shelters) ที่วิทยาเขตสงขลา, สถาบันทักษิณคดีศึกษา, ที่วิทยาเขตพัทลุง - คณะพยาบาลศาสตร์ จัดหน่วยแพทย์อาสาและพยาบาลเคลื่อนที่เร็วช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ และเด็ก จัดตั้งครัวกลาง ผลิตอาหารและอุปกรณ์ยังชีพพื้นฐานที่จำเป็น การเผยแพร่ความรู้และความเคลื่อนไหวเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ทั้งระหว่างประสบภัยและการฟื้นฟูหลังน้ำลด การช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประสบภัยด้านอื่นๆ เช่น พื้นที่จอดรถ พื้นที่พักคอย บริการน้ำ ไฟฟ้า เป็นต้น

หลังน้ำลด มหาวิทยาลัยทักษิณ ระดมจิตอาสาล้างบ้าน “ฟื้นฟู” กู้เมือง ภายใต้โครงการ TSU บวร (บ้าน วัด มัสยิด โรงเรียน) WASH, นิสิตจิตอาสา “พัฒนาชุมชน” ทุกส่วนงาน จัดทีมแพทย์ พยาบาล และนักจิตวิทยา เคลื่อนที่ที่เรียกว่า “หมอเดินดิน” เรารับบริจาคสิ่งของเพื่อการล้างบ้าน ฟื้นเมือง จัดตั้ง Warroom ร่วมกับภาคีพันธมิตรพัฒนารูปแบบการฟื้นฟูแบบยึดพื้นที่ และจัดเวทีสาธารณะเพื่อการจัดการภัยพิบัติ และการบันทึกประวัติศาสตร์ ความทรงจำร่วมของสังคม ผ่านกิจกรรม สื่อ ภาพ การสนับสนุนพัฒนาโจทย์วิจัย การจัดการภัยพิบัติแบบมีส่วนร่วม ระดับพื้นที่ เป็นต้น

แม้ว่าสิ่งเหล่านี้คือ “พันธกิจ” “ความรับผิดชอบ” และ “สำนึก” หนึ่งที่สำคัญของมหาวิทยาลัยทักษิณ ภายใต้ปณิธานมหาวิทยาลัยเพื่อสังคม กระนั้นสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่ได้มาจาก “เนื้อนาบุญของชีวิต”  ปราศจาก “หัวใจ” ที่เปิดกว้างพร้อมโอบรับความเจ็บปวด บาดลึกอารมณ์  ความรู้สึกใน “ทุกข์ร่วม” ความเห็นอกเห็นใจในระดับสังคม (Social Empathy) มนุษยธรรม และความเป็นมนุษย์ร่วมสังคม และ “ความรัก” ที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ผู้ประสบกับชะตากรรมอันโหดร้ายอย่างขีดสุดในชีวิต 

มหาวิทยาลัยทักษิณ ปฏิบัติการแบบไม่รั้งรอด้วย “องคาพยพความรู้” และพลังงานที่ทุ่มเทลงไปสุดแรงล้า ข้าพเจ้าเคยเขียนไว้ในตอนหนึ่งของหนังสือ “เพราะไม่มีจึงแตกต่าง” ว่า  “รักจักทลายทุกปราการ-ให้ความรักนำทาง ให้ความรู้สร้างทาง”

คล้อยหลังการยาตราโครงการTSU บวร [บ้าน วัด มัสยิด โรงเรียน] Wash ในบรรยากาศของการ “ด้นชีวิต” ของผู้ประสบภัย สภาพพื้นที่คล้ายดั่งสึนามิถล่มก็ค่อยๆ บรรเทา แม้แสงแดดร้อนแรงอบอ้าว ฝุ่นฟุ้งกระจาย กลิ่นอับเน่าเหม็นโชยทั่วบริเวณ ร้อยยิ้มบางๆ บนใบหน้าให้กำลังใจกันและกัน แล้วในวันที่มวลความเศร้าห่มคลุมเมื่อ 3 ธันวาคม 2568 เพจเฟสบุ๊กคณะวิศวกรรมศาสตร์โพสต์ข้อความ “ความรู้ต้องมีหัวใจ” มันลึกซึ้งกัดกินหัวใจ

ข้าพเจ้าคิดว่า นิสิตมหาวิทยาลัยทักษิณได้ใช้ปรากฏการณ์ทางสังคมเป็นห้องเรียน-ห้องปฏิบัติการทางสังคม อาศัยความรู้และความรักสร้างการการเปลี่ยนแปลง ลงแรงฟื้นฟูชุมชน สังคม อย่างกระตือรือร้น มุ่งมั่น เอาจริงเอาจัง และหวังสูงเพื่อ “พี่น้อง” ผู้ประสบภัย

เขาและเธอ ได้หว่านโปรยเมล็ดพันธุ์แห่งความรู้และความรักอันอุดมสู่สังคมให้หยั่งรากลึก เติบโตงอกงามในหัวใจ คือ ครุยที่ลุยโคลน เปี่ยมคุณภาพ พร้อมก้าวกล้าออกไปสร้าง “คุณค่า” แก่สังคม ดั่งสายธารปณิธานจากอดีต ปัจจุบัน และอนาคต      

อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกของวิกฤต ท่ามกลางสถานการณ์ที่กางกั้น ความเร่งรีบ แข่งกับเวลา ความสับสน  ตื่นตระหนก ความคาดหวังหลายสิ่งอย่างประเดประดังเข้ามาทุกทิศทาง ทำให้เกิดภาวะ “อลหม่าน” ของการจัดการเป็นอย่างมาก แต่ศูนย์ปันน้ำใจมหาวิทยาลัยทักษิณ ก็เกิดขึ้นในทันที  มีคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาหนึ่งชุด จากคนอาสาในหน้างาน มีชุดย่อยที่เป็นอิสระ คล่องตัวในการตัดสินใจปฏิบัติการในหน้างานนั้น ๆ มีผู้บัญชาการ (Commander) ทำหน้าที่กำกับ ควบคุม และการสั่งการที่ชัดเจน  ทำให้ความอลหม่านค่อย ๆ พัฒนาไปสู่ “ระเบียบ/ ระบบใหม่”  ที่ชัดเจน คล่องตัว รวดเร็ว ทั้งยังสามารถส่งต่อ เชื่อมโยงไปสู่การตัดสินใจในภาพใหญ่ได้แบบทันท่วงที มีการนัดประชุมคณะกรรมการมีอำนาจในการตัดสินใจในเรื่องนั้น ๆ เช่น การประชุมวิสามัญคณะกรรมการการเงินและทรัพย์สิน และคณะกรรมการกองทุนสวัสดิการ เพื่อออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยานิสิต และบุคลากร  ได้อย่างรวดเร็ว เป็นต้น

“ถ้ามีคำอธิบายอยู่หลายอย่าง คำอธิบายที่ง่ายที่สุดมักถูกเสมอ !  ข้าพเจ้ายึดถือเป็นหลักเสมอมา

การนำในภาวะวิกฤตวัดกันที่ความกล้าและความเร็ว ข้าพเจ้ากล่าวปิดจบการประชุมในวันนั้น    

........................................................................................

รองศาสตราจารย์ ดร.ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์

อธิการบดีมหาวิทยาลัยทักษิณ

ชุมชนบ้านควนสันติ, หาดใหญ่